การเสริมแรง
การเสริมแรง
(อังกฤษ: Reinforcement) คือการทำให้ความถี่ของพฤติกรรมเพิ่มขึ้น
อันเป็นผลเนื่องมาจากผลกรรมที่ตามหลังพฤติกรรมนั้น
ประเภทของการเสริมแรง
1. การเสริมแรงทางบวก
(Positive Reinforcement) หมายถึง สิ่งของ คำพูด
หรือสภาพการณ์ที่จะช่วยให้พฤติกรรมเกิดขึ้นอีก
หรือสิ่งทำให้เพิ่มความน่าจะเป็นไปได้ของการเกิดพฤติกรรม
2. การเสริมแรงทางลบ
(Negative Reinforcement) หมายถึง
การเปลี่ยนสภาพการณ์หรือเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็อาจจะทำให้บุคคลแสดงพฤติกรรมได้
การเสริมแรงทางลบเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมใน 2 ลักษณะคือ -
พฤติกรรมหลีกหนี (Escape Behavior)
- พฤติกรรมหลีกเลี่ยง
(Avoidance Beh.)
หลักการและแนวคิดที่สำคัญของการเสริมแรง
1. - การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยการเสริมแรง
การเสริมแรงทางบวกจะดีกว่าทางลบ
2. - การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความใกล้ชิดระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง
3. - การเสริมแรงมีหลายวิธี อาจใช้วัตถุสิ่งของ
หรือถ้อยคำที่แสดงความรู้สึกก็ได้ ที่สามารถสร้างบรรยากาศกระตุ้นให้ความพึงพอใจให้เกิดความสำเร็จหรือเครื่องบอกผลการกระทำว่าถูกผิด
และอาจเป็นการส่งเสริมให้เกิดการเสริมแรงต่อๆ ไป
4. - การเสริมแรงควรจะต้องให้สม่ำเสมอ
นอกจากนั้นหลักการเสริมแรงยังทำให้สามารถปรับพฤติกรรมได้
5. - ควรจะให้การเสริมแรงทันที ที่มีการตอบสนองได้อย่างถูกต้อง
ซึ่งควรจะเกิดขึ้นภายใน ประมาณ 10 วินาที
ถ้าหากมีการตอบสนองที่ต้องการซ้ำหลายครั้งๆ ก็ควรเลือกให้มีการเสริมแรงเป็นบางคราว
แทนที่จะเสริมแรงทุกครั้งไป
6 . - ควรจะจัดกิจกรรมการเรียนให้เป็นไปตามลำดับจากง่ายไปยาก
และเป็นตอนสั้นๆ ที่สอดคล้องกับความสามารถของผู้เรียน
จากการวิจัยเกี่ยวกับการเสริมแรง
สกินเนอร์ได้แบ่งการให้แรงเสริมเป็น 2 ชนิดคือ
1. - การเสริมแรงทุกครั้ง
คือการให้แรงเสริมแก่บุคคลเป้าหมายที่แสดงพฤติกรรมที่กำหนดไว้ทุกครั้ง
2. - การเสริมแรงเป็นครั้งคราว คือไม่ต้องให้แรงเสริมทุกครั้งที่บุคคลเป้าหมายแสดงพฤติกรรม
สรุปแนวคิดที่สำคัญ
สรุปแนวคิดที่สำคัญของนักจิตวิทยาการศึกษา
ดังนี้
1. - ธอร์นไดค์ (Thorndike) ให้ข้อสรุปว่า การเสริมแรง
จะช่วยให้เกิดความกระหายใคร่รู้เกิดความพอใจ และนำไปสู่ความสำเร็จ
2. - สกินเนอร์ (Skinner) กล่าวว่า "การเสริมแรง
จะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้บุคคลแสดงพฤติกรรมซ้ำ และพฤติกรรมของบุคคลส่วนใหญ่
จะเป็นพฤติกรรมการเรียนรู้แบบปฏิบัติ (Operant Learning) และพยายามเน้นว่า
การตอบสนองต่อสิ่งเร้าใดๆ ของบุคคล สิ่งเร้านั้นจะต้องมีสิ่งเสริมแรงอยู่ในตัว
หากลดสิ่งเสริมแรงลงเมื่อใด การตอบสนองจะลดลงเมื่อนั้น"
3. - กัทธรี (Grthrie) เชื่อว่าการเรียนรู้
จะเป็นผลมาจากสิ่งเร้าและการตอบสนองซึ่งเมื่อเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน
สิ่งเร้าทุกอย่างย่อมจะมีลักษณะที่เร้า และก่อให้เกิดพฤติกรรมได้ทั้งหมด
ดังนั้นการเสริมแรงไม่จำเป็นต้องนำมาใช้สำหรับการตอบสนอง
4. - ฮัล (Hull) เชื่อว่า การเสริมแรงเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง
ม่มีการเรียนใดๆ ที่มีความสมบูรณ์
การเรียนรู้เป็นลักษณะของการกระทำที่ต่อเนื่องกัน จะค่อยๆ สะสมขึ้นเรื่อยๆ
การเสริมแรงทุกครั้งจะทำให้การเรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น